หนึ่งในเทคโนโลยีเหล่านั้นก็คือการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS)  ซึ่งมีศักยภาพโดดเด่นที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง อย่างการผลิตกระแสไฟฟ้าและอุตสาหกรรมหนัก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ อันที่จริง สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศเคยกล่าวว่า ถ้าไม่มี CCS การบรรลุเป้าหมายที่โลกจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะเป็นไปไม่ได้เลย

ที่จริงแล้วเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันถูกพูดถึงในบริบท ที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ มากขึ้นทุกที แต่การดักจับและกักเก็บคาร์บอนคืออะไร? ลองดูคู่มือนี้ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้จักCCS มากขึ้น และเข้าใจว่าCCS จะมีผลอย่างไรต่อตัวคุณ 

CCS คืออะไร?

การดักจับและกักเก็บคาร์บอน เป็นกระบวนการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากการทำงานของภาคอุตสาหกรรมหรือโรงไฟฟ้า ซึ่งกำลังจะถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ แล้วนำคาร์บอนไดออกไซด์นั้นฉีดลึกลงไปใต้ดิน เพื่อกักเก็บไว้อย่างปลอดภัย มั่นคง และถาวร

CCS มีความสามารถในการดักจับก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกิจกรรมต่าง ๆ ของภาคอุตสาหกรรมถึงร้อยละ 90 และเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานสูงสามารถดักจับและกักเก็บคาร์บอนได้ ทำให้ CCS เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการลดความเสี่ยงเรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเห็นพ้องกันว่า เทคโนโลยีนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซตามความตกลงปารีส

CCS ทำงานอย่างไร?

การดักจับและกักเก็บคาร์บอนทำงานอย่างที่ชื่อบอกไว้แค่นั้นเอง คือดักจับคาร์บอนก่อนจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และกักเก็บไว้อย่างถาวร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ง่าย การแยกโมเลกุลที่เล็กขนาดคาร์บอนไดออกไซด์ จำเป็นต้องใช้ความแม่นยำอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น คาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบเพียงร้อยละ 4 ของไอเสียจากกังหันที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ

สถานที่ที่เหมาะสมในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคาร์บอนไดออกไซด์หลังจากถูกดักจับมาได้แล้ว?

เมื่อดักจับมาได้ โดยปกติคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกดันเข้าสู่ท่อ เพื่อส่งลงไปที่หลุมซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บ แล้วหลุมนั้นจะส่งคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปใต้ดินหรือใต้พื้นทะเลลึกหลายพันเมตร

ทั้งนี้มีหลายปัจจัยในการค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมในการกักเก็บคาร์บอนไว้ใต้ดิน ลองดูสักสองสามปัจจัยข้างล่างนี้

การทำ CCS คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญกับโลกของเรา

ทำไม CCS จึงมีความสำคัญ?

ภาคที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้า การกลั่นน้ำมัน การผลิตปิโตรเคมีภัณฑ์ และอุตสาหกรรมการผลิต มีส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในโลกที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เร็ว ๆ นี้ เมื่อปีพ.ศ. 2562 เฉพาะในเอเชียแปซิฟิก มีการปล่อยก๊าซจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ ประมาณ 4 พันล้านตัน ในขณะที่จำนวนประชากรและมาตรฐานการครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการในภาคส่วนเหล่านี้ก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นด้วย พร้อมกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น

CCS สามารถช่วยหักลบการปล่อยก๊าซจากอุตสาหกรรมดังกล่าว ขณะที่อุตสาหกรรมเองก็ยังมีการเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เติบโต สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศกล่าวว่า เทคโนโลยี CCS จะมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซถึงร้อยละ 15 ซึ่งจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายของโลกในปีพ.ศ. 2593

นอกจากจะเป็นคุณต่อสิ่งแวดล้อม CCS ยังมีประโยชน์อีกหลายประการต่อเศรษฐกิจ ในแง่การลงทุน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศประเมินว่า จำเป็นจะต้องสร้างหน่วยงาน CCS ขึ้นมาอีกปีละ 70 ถึง 100 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนตั้งแต่ 655,000 ล้าน ไปจนถึง 1.28 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

เอ็กซอนโมบิลมีประสบการณ์อะไรบ้างเรื่อง CCS?

เอ็กซอนโมบิลเป็นผู้นำด้าน CCS ในระดับโลก เคยดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าบริษัทอื่นใดตลอด 30 ปีที่ผ่านมา โดยกำจัดออกไปได้มากกว่า 120 ล้านตัน

ในปัจจุบัน เราดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และกาตาร์ ได้ปีละกว่า 9 ล้านตัน

เอ็กซอนโมบิลยังมองเห็นศักยภาพของเอเชียแปซิฟิกสำหรับการสร้างศูนย์กักเก็บ CCS ซึ่งจะเป็นการสร้างเครือข่ายในภูมิภาคนี้ เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เข้ากับแหล่งกักเก็บขนาดใหญ่ระดับโลก แนวคิดนี้จะมองการจัดตั้งศูนย์กักเก็บคาร์บอนในย่านอุตสาหกรรมหนักต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับมาได้ จะถูกขนย้ายไปยังแหล่งกักเก็บคาร์บอนในจุดอื่นของภูมิภาค

เมื่อเห็นโอกาสมากขึ้นในการใช้งาน CCS ในอนาคต เอ็กซอนโมบิลจึงใช้ความเชี่ยวชาญของเราขยายการใช้งานเทคโนโลยีนี้ เพื่อช่วยให้โลกอยู่บนเส้นทางไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง

Tags

  • icon/text-size
You May Also Like

สำรวจ เพิ่มเติม

พลาสติกบางอย่างรีไซเคิลไม่ได้ แล้วการรีไซเคิลขั้นสูงจะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้หรือไม่?