ซึ่งพอจะเข้าใจได้ว่าเพราะอะไร

CCS เป็นกระบวนการดักจับ CO2 ที่เกิดจากการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรม แทนที่จะปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ แต่นำ CO2 นั้นเข้าไปเก็บไว้ในโครงสร้างทางธรณีวิทยา เพื่อกักเก็บไว้ใต้ดินอย่างปลอดภัยและอย่างถาวร ความสามารถของ CCS ในการขจัดคาร์บอนจากภาคที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมการผลิต (manufacturing) และการผลิตกระแสไฟฟ้า (power genration) นั้นจะมีความสำคัญยิ่ง เมื่อสังคมพยายามจัดการปัญหาภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และให้เป็นไปตามเป้าหมายของ ความตกลงปารีส  ขณะที่แหล่งพลังงานทดแทนจะมีบทบาทสำคัญในโลก ซึ่งอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน CCS จะเป็นเทคโนโลยีเพียงไม่กี่อย่างที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคที่ขจัดคาร์บอนออกได้ยากอย่างมีนัยสำคัญ

แต่เช่นเดียวกับเทคโนโลยีด้านพลังงานอื่นๆ ทั้งหมด ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ บทความนี้จึงขอนำเสนอข้อมูลตัวอย่างเจ็ดข้อว่าทำไม CCS  จึงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่สามารถช่วยปลดล็อคอนาคตที่มีการปล่อยก๊าซต่ำลงได้

รายละเอียดดังนี้

เจ็ดข้อ น่ารู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน

การดักจับและกักเก็บคาร์บอนเป็นเทคโนโลยีเพียงไม่กี่อย่างที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากในภาคอุตสาหกรรม

การขจัดคาร์บอนเป็นเรื่องยากลำบากมากในภาคอุตสาหกรรมหนักต่างๆ โดยเฉพาะในภาคการผลิตกระแสไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากต้องใช้ปริมาณพลังงานมหาศาลในการปฏิบัติงานของโรงงาน และพลังงานทั้งหมดนั้นสะสมจนมีการปล่อยก๊าซมากกว่าร้อยละ 70 ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของโลก ในปัจจุบัน CCS เป็นหนึ่งในสองสามเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีศักยภาพที่จะขจัดคาร์บอนในภาคเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็คุ้มกับค่าใช้จ่ายและขยายตามสัดส่วนที่เหมาะสมได้

ข้อเสนอของเอ็กซอนโมบิลในการตั้ง CCS Hub ที่ฮุสตันนั้น จะช่วยให้สามารถดักจับ CO2 จากพื้นที่อุตสาหกรรมโดยรอบร่องน้ำฮุสตันได้ถึง 100 ล้านเมตริกตันต่อปีภายในปี พ.ศ. 2583 และจะเป็นการวางพื้นฐานสำหรับ CCS Hub ทั่วประเทศในอนาคตอีกด้วย

CCS สามารถดักจับ CO2  ที่ปล่อยออกมาได้มากกว่าร้อยละ 90

เราอาจจะต้องใช้เทคโนโลยีหลากหลายเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายด้านภูมิอากาศ แต่ด้วยความสามารถในการดักจับได้ถึงร้อยละ 90 ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ การใช้งาน CCS อย่างกว้างขวางจึงสามารถช่วยให้โลกอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องสู่อนาคตที่จะมีคาร์บอนต่ำลง

ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่า การดักจับและกักเก็บคาร์บอนจะมีความสำคัญยิ่งในการลดความเสี่ยงเรื่องภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

เมื่อเทคโนโลยีถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวาง ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า เทคโนโลยี CCS จะมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของพลังงานที่จะมีคาร์บอนต่ำลง นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำและผู้ที่มีส่วนในการกำหนดนโยบาย ให้การสนับสนุน CCS รวมถึงประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งได้กล่าวถึง ประโยชน์ของ CCS ที่มีต่อทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศเคยกล่าวว่า “การไปให้ถึงค่า (การปล่อยก๊าซเรือนกระจก) สุทธิเป็นศูนย์ จะเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ” ถ้าไม่มี CCS

ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ร่วมกับ CCS ทำให้มั่นใจได้ว่า จะมีพลังงานใช้อย่างมั่นคงและคุ้มกับค่าใช้จ่าย มากกว่าการใช้พลังงานทดแทนเพียงอย่างเดียว

ก๊าซธรรมชาติเมื่อใช้ร่วมกับ CCS จะเป็นการผสมผสาน พลังงานทางเลือกสำหรับอนาคตที่มีคาร์บอนต่ำ นั่นเป็นเพราะก๊าซธรรมชาติสามารถตอบรับกับความต้องการพลังงานที่เปลี่ยนแปลง และมีการเผาไหม้ที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์อื่นๆ อย่างเช่นถ่านหิน สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง ปัจจัยเหล่านี้มีความสำคัญเป็นพิเศษในการไปให้ถึงเป้าหมายที่จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำลง

นอกจากนี้ การติดตั้ง CCS เพิ่มเติมในโรงงานที่มีอยู่แล้ว ยังเป็นการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทนทั้งหมด เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้อนพลังงานจากก๊าซธรรมชาติให้กับโรงงานอยู่แล้ว

มีวิธีการมากกว่าหนึ่งวิธีในการดักจับ CO2

เอ็กซอนโมบิลและพันธมิตรกำลังทำงานเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี CCS ให้มีความหลากหลาย ผ่านผลงานโดยรวมในการวิจัยและพัฒนาซึ่งเป็นรากฐานในช่วงแรก เทคโนโลยีหนึ่งคือการดักจับโดยตรงจากอากาศซึ่งทำร่วมกับ โกลเบิล เทอร์โมสแตท โดยพื้นฐานการทำงานคือการดูด CO2 ที่ถูกปล่อยออกมาในชั้นบรรยากาศ ส่วนอีกเทคโนโลยีหนึ่งคือการใช้เซลล์เชื้อเพลิงคาร์บอเนตดักจับก๊าซเรือนกระจกจากกลุ่มควันเสีย เอ็กซอนโมบิลกำลังพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้ก้าวหน้าขึ้น โดยประสานความร่วมมือกับฟิวเซลล์ เอเนอร์จี้ นอกจากนี้ เอ็กซอนโมบิลกำลังทำงานวิจัยวัสดุใหม่ๆ อย่างวัสดุโครงข่ายโลหะอินทรีย์หรือ MOF (metal organic framework) ซึ่งมีพื้นที่ผิวสัมผัสจำนวนมาก เพื่อให้ดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ราวกับฟองน้ำ และท้ายที่สุด บริษัทกำลังวิจัยว่าจะใช้ความสามารถตามธรรมชาติของต้นไม้และพืชอื่นๆ ในการดักจับคาร์บอนอย่างไร ในการปฏิบัติงานเพื่อการดักจับและกักเก็บก๊าซเรือนกระจกด้วยกระบวนการทางชีวภาพ

สามารถเก็บ CO2 ไว้ใต้ดินอย่างปลอดภัยและถาวร

เนื่องจากการเรียงตัวทางธรณีวิทยา ทำให้บางโครงสร้างของหินสามารถดักจับ CO2 ไว้ใต้ดินอย่างปลอดภัย และถาวร อันที่จริง การกักเก็บ CO2 ไว้ใต้ดินทางธรณีวิทยา เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมานานหลายร้อยล้านปีแล้ว จากงานค้นคว้าอิสระต่างๆ รวมถึงการศึกษา จาก มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน  เห็นพ้องกันว่าการกักเก็บ CO2 ทางธรณีวิทยา ยังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ในการจัดการปัญหาภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

มีการประเมินว่า โครงสร้างทางธรณีวิทยาใต้อ่าวเม็กซิโก ซึ่งเอ็กซอนโมบิลวางแผนจะกักเก็บก๊าซที่ดักจับได้จากบริเวณใกล้เคียงพื้นที่อุตสาหกรรมในฮุสตัน มีขนาดใหญ่พอที่จะกักเก็บ CO2 ได้ถึง 500,000 ล้านเมตริกตัน (หรือเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมและการผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศนานกว่า 130 ปี)

เอ็กซอนโมบิลสามารถดักจับ CO ได้ร้อยละ 40 ของปริมาณ CO2 ทั้งหมดที่เคยดักจับได้

ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในเรื่องนี้ เอ็กซอนโมบิลจึงเป็นผู้นำด้าน CCS ที่เคยดักจับ CO2 ได้มากกว่าบริษัทอื่นใดในโลกนี้ ในปัจจุบัน เอ็กซอนโมบิลดักจับ CO2 ได้ประมาณ 9 ล้านเมตริกตันต่อปี ที่โรงงานต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และกาตาร์ โดยกำลังสำรวจหาโอกาสใหม่ ๆ มากมาย รวมถึงโอกาสใน เขตอุตสาหกรรมฮุสตัน ประสบการณ์ของบริษัทในการขยายโครงการใหญ่ๆ และความเชี่ยวชาญใน CCS ทำให้บริษัทมีคุณสมบัติที่เหมาะสมเป็นพิเศษ ในการเป็นผู้นำที่จะรับผิดชอบเพื่อเปลี่ยนแผนงานเหล่านี้ให้เป็นความจริง

แม้ว่าจะไม่มีทางออกใดเพียงหนึ่งเดียวในการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทั้งหมด แต่เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนยังจำเป็นต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนวัตกรรม และ งานวิจัยเพื่อดักจับใละกักเก็บคาร์บอนของเรา

Tags

  • icon/text-size
You May Also Like

สำรวจ เพิ่มเติม

พลาสติกบางอย่างรีไซเคิลไม่ได้ แล้วการรีไซเคิลขั้นสูงจะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้หรือไม่?