เอเชียแปซิฟิกในศตวรรษที่ 21 มีการเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ประชากรเกือบสองในสามของโลกอาศัยอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประชากรที่กำลังเติบโตเหล่านี้ ต้องการมีศูนย์กลางในการพัฒนาทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของโลก
ระหว่างการพัฒนา ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้กำลังมองหาวิธีที่จะสนับสนุนชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต และกลายเป็นชนชั้นที่ต้องการพลังงานในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต
จากรายงานภาพอนาคตพลังงานจนถึงปีพ.ศ.2583 ฉบับล่าสุดของเอ็กซอนโมบิล ผู้คนนับพันล้านคนจะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง และการเข้าถึงพลังงานจะเป็นตัวการสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนเหล่านี้ออกจากความยากจน
รายงานดังกล่าวคาดว่าจีนและอินเดียต่างมีประชากรที่จะเป็นชนชั้นกลางมากกว่า 1 พันล้านคนภายในปีพ.ศ.2573
ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่าก๊าซธรรมชาติคือหนึ่งในเชื้อเพลิงหลักที่จะตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นไปจนถึงปีพ.ศ.2583 เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่เชื่อถือได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ
ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าจนถึงปีพ.ศ. 2567 ความต้องการก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคนี้จะสูงขึ้นราวร้อยละ 60 ขณะที่รายงานภาพอนาคตพลังงานของเอ็กซอนโมบิลเห็นว่าการใช้ก๊าซธรรมชาติจะเติบโตมากกว่าแหล่งพลังงานหลักอื่น
แต่ทำไมภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกถึงได้หันไปใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้า?
ก๊าซธรรมชาติปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าถ่านหินถึงร้อยละ 60 ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้กันมากที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ก๊าซธรรมชาติกำลังช่วยให้ภูมิภาคนี้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องในการตอบสนองความท้าทายที่มาคู่กันคือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยไม่มองข้ามความมั่นคงทางพลังงาน
ก๊าซยังสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนที่กำลังเติบโตอย่างพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ซึ่งผลิตได้ไม่ต่อเนื่องและขึ้นอยู่กับสภาพและทำเลที่มีความจำเพาะเจาะจง เนื่องจากก๊าซธรรมชาติสามารถเป็นแหล่งพลังงานเสริมตามความจำเป็น จึงทำให้มั่นใจว่าจะมีแสงสว่างและกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดแม้ดวงอาทิตย์จะไม่ส่องแสงหรือลมไม่พัด
เอเชีย-แปซิฟิกจะหันไปหาก๊าซเพื่อมุ่งสู่การมีอากาศที่สะอาดขึ้นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันก็ยังสามารถจัดหาพลังงานให้กับชนชั้นกลางในภูมิภาคที่กำลังเติบโต