ก่อนสิ้นปี พ.ศ. 2563 เอ็กซอนโมบิล ประกาศแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการปฏิบัติงานในอีกห้าปีข้างหน้า และเมื่อต้นปี พ.ศ. 2564 เราได้นำแผนเหล่านั้นมาคิดต่อในด้านกลยุทธ์และการปฏิบัติงาน  ซึ่งได้กำหนดเป็นแผนงานคร่าวๆ ดังนี้

  • เราวางแผนที่จะลดระดับความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการปฏิบัติงานในด้านการสำรวจและขุดเจาะลงร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2559
  • เราวางแผนที่จะลดความเข้มข้นในการปล่อยก๊าซมีเทนลงร้อยละ 40-50 และลดความเข้มข้นของการเผาก๊าซส่วนเกินทิ้งในการปฏิบัติงานทั่วโลกลงร้อยละ 35-45 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2559

แผนเหล่านี้ครอบคลุมการปล่อยก๊าซระยะที่ 1 และระยะที่ 2 จากกิจการที่บริษัทดำเนินงานอยู่ และคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจสำรวจและ ขุดเจาะของบริษัทได้ถึงประมาณร้อยละ 30 นอกจากนี้ เรายังได้เริ่มมาตรการในขั้นที่ 3เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซ ดังที่ระบุไว้ในรายงานสรุปด้านพลังงานและคาร์บอน ซึ่งได้ทำออกมาเป็นประจำรายปี

[เอ็กซอนโมบิลมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ CCS เพื่อดักจับ ขนส่ง และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ได้อย่างถาวร ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากกิจกรรมภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก]

แผนลดการปล่อยก๊าซ พ.ศ. 2568 ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวางแผนและจัดสรรงบประมาณ ได้มีการออกแบบที่เชื่อถือได้และนำไปใช้ได้จริง มองไปถึงปี พ.ศ. 2568 ผมคาดว่าบริษัทของเราจะพร้อม สำหร้บแนวทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากขึ้น พร้อมทั้งจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้ในราคาเหมาะสม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตโดยรวม

ในระยะสั้น แผนลดการปล่อยก๊าซปี พ.ศ. 2568 ที่วางเค้าโครงไว้ให้สอดคล้องกับแนวทางควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่สื่อสารออกมาอย่างชัดเจนในข้อตกลงปารีส หมายถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกลงร้อยละ 10 ภายในปี พ.ศ. 2568 เทียบกับตัวเลขเมื่อปี พ.ศ. 2559การแก้ไขปัญหาความท้าทายทั้งสองด้าน ทำให้ทุกคนต้องร่วมมือกัน และบริษัทอย่างเราก็สามารถนำจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร และความเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มาช่วยให้สังคมอยู่บนเส้นทางของวันพรุ่งนี้ที่จะมีก๊าซคาร์บอนที่ต่ำลง

เราคาดว่าจะทำตามแผนนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร?

เอ็กซอนโมบิลมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ CCS เพื่อดักจับ ขนส่ง และกักเก็บ
คาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ได้อย่างถาวร
ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากกิจกรรมภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

การปล่อยก๊าซที่ลดลงส่วนใหญ่จะมาจากการสำรวจและขุดเจาะของเราในสหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (unconventional upstream production) โดยยังคงลดการเผาก๊าซส่วนเกินทิ้ง และลดการปล่อยก๊าซมีเทน ในจุดนี้ ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เราได้พัฒนาชุดวิธีการปฏิบัติงานที่ยอดเยี่ยมในแนวหน้าของอุตสาหกรรม รวมถึงเพิ่มการป้องกันการรั่วไหลและการซ่อมแซม ปรับปรุงการตรวจสอบ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และเลิกใช้งานอุปกรณ์นิวเมติกพ่นลมเร็ว (อุปกรณ์เหล่านี้ ค่อย ๆ เลิกใช้ในการปฏิบัติงานของเราที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เป็นแบบดั้งเดิมเกือบ 100% ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563) เรายังเสนอ โครงร่างการควบคุมเกี่ยวกับมีเทน เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลออก ข้อกำหนดที่เหมือนกันสำหรับทั้งอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนางานวิจัยให้ก้าวหน้ารวมทั้งเครือข่ายเฝ้าระวังต่าง ๆ

การปฏิบัติงานในส่วนการกลั่นและขนส่งผลิตภัณฑ์ (Downstream) และปิโตรเคมีก็เช่นเดียวกัน จะยังคงเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มระบบผลิตพลังงานร่วมในโรงงานการผลิตต่าง ๆ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ ๆ ที่ลดการปล่อยก๊าซ ตัวอย่างหนึ่งที่ผมเขียนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือ ระบบที่ออกแบบใหม่โดยใช้ความร้อนแตกพันธะโมเลกุลไฮโดรคาร์บอน (redesigned Hydrocraking system) ซึ่งเรานำไปใช้งานที่ร็อตเตอร์ดัม และได้รับรางวัลเอดิสันจากสภาวิจัยและพัฒนาแห่งนิวเจอร์ซี โดยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทีมของผมได้พัฒนาวัสดุใหม่ ๆ เมมเบรนแยกของเหลว และเทคโนโลยีบำบัดก๊าซ ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างในกรณีนี้คือ  เซเลสเทีย™ ตัวเร่งปฏิกิริยาที่เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ช่วยให้หอกลั่นขจัดกำมะถันและสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ ออกจากน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจำเป็นสำหรับการขนส่งเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ใช้พลังงานน้อยลงและมีการปล่อยก๊าซลดลง

ความพยายามของเราที่จะลดการปล่อยก๊าซในระยะสั้น ดำเนินคู่ขนานไปกับความมุ่งมั่นหาวิธีแก้ปัญหาในระยะยาว ทุกวันนี้ เราพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของสังคมในการลดการปล่อยก๊าซให้เป็นศูนย์  ซึ่งรวมถึง การดักจับและกักเก็บคาร์บอน การผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ เชื้อเพลิงชีวภาพที่มีความก้าวล้ำ และการผลิตที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

รองประธานด้านวิจัยและพัฒนา เอ็กซอนโมบิล ดร.วิเจย์ สวารัป

ที่สำคัญทิศทางของงานวิจัยเหล่านี้ แสดงถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำไปประยุกต์ใช้กับภาคส่วนทั้งสามที่มีการใช้พลังงาน (การขนส่งเชิงพาณิชย์ การผลิตกระแสไฟฟ้า และอุตสาหกรรมการผลิต) ซึ่งปัจจุบันมีทางออกเพื่อลดการปล่อยก๊าซที่ทำได้จริงอยู่จำกัด ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี CCS ซึ่ง IPCC ระบุว่าจำเป็นต่อทุกแนวทางของแผนควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 2 องศาเซลเซียส  และสามารถนำไปใช้งานที่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ในเรื่องนี้ เอ็กซอนโมบิล สามารถดักจับาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าบริษัทอื่น ๆ ตั้งแต่เริ่มมีเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา และด้วยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของเรากับบริษัทอย่างโกลเบิล เทอร์โมสแตท และ ฟิว เซลล์ ตลอดจนมหาวิทยาลัยกว่า 80 แห่งทั่วโลก ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งพิเศษที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปขยายผลให้ใหญ่ขึ้นได้ และอย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว การแก้ปัญหา  ความท้าทายที่มีสองด้าน (dual challenge) ต้องอาศัยความมุ่งมั่น  ความจริงใจ และ สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือซึ่งกันและกัน จาก แผนสำหรับปี พ.ศ. 2568 ที่วางไว้ ประกอบกับมุมมองอันลึกซึ้งดังที่ได้ระบุไว้ในบทสรุปด้านพลังงานและคาร์บอนที่เผยแพร่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ได้สะท้อนถึงความก้าวหน้าและวิสัยทัศน์ของเราได้ชัดเจน โดยในภาคส่วนน้ำมันและก๊าซนั้น เรากำลังทำงานเพื่อนำอุตสาหกรรมไปสู่การการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายในปีพ.ศ. 2573

และขณะที่สังคมมีการนำพลังงานทดแทนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์และลมมาใช้งานอย่างต่อเนื่อง เราจะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่มีคาร์บอนต่ำนี้ ด้วยการมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซจากพื้นฐานโครงสร้างด้านพลังงานที่มีในปัจจุบัน

ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและพร้อมที่จะทำงานต่อไป ในขณะที่เราก้าวไปสู่อีก 5 ปีข้างหน้านี้

ดร.วิเจย์ สวารัป รองประธานด้านวิจัยและพัฒนา เอ็กซอนโมบิล

Tags

  • icon/text-size
You May Also Like

สำรวจ เพิ่มเติม

เทคโนโลยีที่กล้าท้าทายสำหรับวันนี้และวันหน้า